Stakeholder Engagement: การเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

เวลาเราทำโครงการ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Engaging Stakeholder) เราต้องหาแนวทางและลงมือทำอะไรก็ตามที่จำเป็นสำหรับสร้างการมีส่วนร่วมที่ดีของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ในโครงการของเราอย่างเป็นระบบ ใจความสำคัญของเรื่องนี้คือ "ทำแต่เนิ่น ๆ (Do it early)" และ "ทำให้ต่อเนื่อง (Do it regularly)"

การทำแต่เนิ่น ๆ ก็คือการที่เราต้องรีบมาคิดเรื่องนี้กันตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ใช่ว่าเริ่มทำโครงการไปสักพักนึงแล้วค่อยมานั่งคิดว่าใครเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียบ้าง ส่วนการทำให้ต่อเนื่องก็หมายความว่า เราต้องมาทบทวนเรื่อง Stakeholders กันบ่อย ๆ ตลอดช่วงที่เราทำโครงการตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะว่า Stakeholders สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อย ๆ ตามช่วงจังหวะของโครงการ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำครั้งเดียวตอนต้นโครงการแล้วจบอยู่แค่นั้น

ทาง Project Management Institute (PMI) ได้กำหนดกระบวนการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเป็นระบบไว้ 6 ขั้นตอน ได้แก่ (1) Identify (หาตัวให้เจอ) (2) Understand (ทำความเข้าใจ) (3) Analyze (วิเคราะห์ให้ชัดเจน) (4) Prioritize (เรียงลำดับความสำคัญ) (5) Engage (เข้าไปมีส่วนร่วม) และ (6) Monitor (คอยติดตามผลลัพธ์)

6 ขั้นตอนของ Stakeholder Engagement

1. Identify (หาตัวให้เจอ)

อันดับแรก เราต้องรู้ก่อนว่าใครคือ Stakeholders ของโครงการเราบ้าง อันนี้ควรต้องทำตั้งแต่ต้นโครงการเลย  เราและทีมงานจะมาใช้เวลานั่งไล่รายชื่อผู้ Stakeholders ให้ครบเท่าที่ทำได้ก่อน ชื่อของ Stakeholders บางคนจะปรากฎชัดเจนขึ้นมาอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องคิดมาก เช่น เจ้าของโครงการ (Project Owner) ผู้ใช้งาน (User) เป็นต้น แต่ Stakeholders บางคนอาจจะไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น ต้องใช้เวลาในการคิดพอสมควรกว่าจะตระหนักว่าเขาก็มีส่วนเป็น Stakeholders ของโครงการเรา การที่เราให้ทีมงานที่มีความหลากหลายมานั่งระดมความคิดกันจะทำให้เราได้รายชื่อของ Stakeholders ที่ครอบคลุมมากขึ้น

ส่วนมากแล้วในขั้นตอนนี้ เราจะอาศัยการจัดประชุมหรือทำ Workshop ร่วมกับทีมงาน ให้แต่ละคนระดมความเห็นเพื่อสร้างรายชื่อของ Stakeholders ขึ้นมา รายชื่อของ Stakeholder ที่ได้มาไม่ใช่สิ่งที่จะอยู่คงทนถาวรไปจนจบโครงการ นี่จะเป็นเอกสารที่เราต้องคอยอัปเดตตลอดระหว่างที่ทำโครงการ เราอาจจะเจอ Stakeholder ใหม่ ๆ ที่นึกไม่ถึงในระหว่างที่ทำโครงการก็ได้

ในวันประชุมเริ่มต้นโครงการ (Project Kick-off meeting) โพลาริสจัดให้มีช่วงนึงที่มานั่งคุยกันเฉพาะในเรื่อง Stakeholders ของโครงการจัดแข่งเกมส์ออนไลน์นี้ โพลาริสเขียนคำถามตัวโต ๆ ไว้บนกระดานว่า "ใครบ้างที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโครงการเรา?" จากนั้นแต่ละคนก็เขียนชื่อที่ตัวเองนึกออกลงไปบนกระดาษ Sticky Note รายชื่อของ Stakeholders ค่อย ๆ ปรากฎขึ้น ตั้งแต่ จักรพรรดินีบนดาวโพลก้า จักรพรรดิบนดาวโพลล่า ผู้ชมการแข่งขัน นักกีฬาแข่งเกมส์ออนไลน์ทั้งสองทีม เนื่องจากทีมของโพลาริสมีทีมงานที่มาจากด้านต่าง ๆ ที่หลากหลายเลยทำให้ได้รายชื่อของ Stakeholders ที่ครบมากขึ้นเท่านั้น ต่อมา พอทำโครงการไปได้สักระยะนึงทีมงานของโพลาริสก็พบว่ามีสมาคมไร้คลื่นที่ไม่ชอบโครงการเราอย่างยิ่ง ที่ตอนแรกเราไม่รู้จักเขาเลย ซึ่งพยายามเข้ามาโจมตีการแข่งขันเกมส์ออนไลน์ตามช่องทางต่าง ๆ ถือว่าเขาเป็น Stakeholder คนนึงที่ทีมงานเพิ่มเติมเข้าไปในรายชื่อระหว่างทำโครงการ

2. Understand (ทำความเข้าใจ)

เมื่อได้รายชื่อ Stakeholder ขึ้นมาแล้ว เราก็ต้องมาลงรายละเอียดเจาะไปที่แต่ละคน เพื่อพยายามทำความเข้าใจ ว่าเขาเป็นใคร ทำหน้าที่อะไร มีเป้าหมายอะไร อะไรที่เขามีอำนาจหน้าที่ทำได้และทำไม่ได้ หัวใจหลักของการเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียคือการทำความเข้าใจ Stakeholder แต่ละคนให้ได้มากที่สุด พูดง่าย ๆ ก็คือต้องมี "Empathy" ตั้งแต่บทบาทหน้าที่ ไปจนถึงด้านอารมณ์ความรู้สึก จุดยืน ความเชื่อของ Stakeholder แต่ละคน

ใน Workshop ของโพลาริส หลังจากที่ได้รายชื่อของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขึ้นมาจนครบแล้ว โพราลิสและทีมงานก็ค่อย ๆ ไล่ดู Stakeholder แต่ละคน ทีมงานมาแชร์ข้อมูลแล้วเขียนลงไปในกระดานว่าแต่ละคนมีบทบาทหน้าที่อย่างไรบ้าง นี่คือตัวอย่างที่ทีมงานของโพลาริสเขียนลงไป

"จักรพรรดินีบลิซซี่ (Blizzy) บนดาวโพลก้า (623 ปี): มีเป้าหมายอยากให้การแข่งกีฬาออนไลน์นี้เป็นไปอย่างราบรื่นเพราะเป็นหน้าเป็นตาของดาว ส่วนตัวเป็นคนตื่นเต้นชอบการแข่งขันระดับข้ามดวงดาว แต่ก็ไม่ค่อยรู้จักเกมส์ออนไลน์เท่าไหร่เลยอาจจะอินน้อยกว่าการแข่งกีฬาจริง ๆ เหมือนปีอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ ส่วนตัวแล้วไม่ได้เป็นแฟนตัวยงของนักกีฬาดาวตัวเองเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นใครจะชนะการแข่งก็เฉย ๆ บลิสซี่เป็นผู้มีสิทธิ์เด็ดขาดในการตัดสินใจว่าการแข่งกีฬาออนไลน์นี้จะไปต่อรึเปล่าจากทางฝั่งดาวโพลก้า รวมถึงเป็นคนที่อนุมัติงบประมาณและทรัพยากรที่จะมาลงในโครงการนี้ทั้งหมด  นิสัยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ชอบรายละเอียดและไม่ชอบทำความเข้าใจเรื่องยาก ๆ ต้องการการสื่อสารแบบง่าย ๆ และรวดเร็ว"

3. Analyse (วิเคราะห์ให้ชัดเจน)

พอเรารู้จัก Stakeholder ของเราแล้ว ต่อมา เราจะต้องมาวิเคราะห์ต่อว่า Stakeholder แต่ละคนจะเข้ามามีบทบาทอย่างไรกับโครงการของเรา แต่ละคนจะส่งผลอย่างไรต่อโครงการของเราได้บ้าง ใครเป็นฝ่ายสนับสนุนโครงการเรา ใครเป็นฝ่ายต่อต้านโครงการเรา และเราควรจะวางบทบาทของแต่ละคนในโครงการเราไว้อย่างไรบ้าง

หลังจากที่รู้จักและเริ่มเข้าใจจักรพรรดินีบลิซซี่แห่งดาวโพลก้าแล้ว โพลาริสก็มานั่งคิดกับทีมงานต่อว่าจักรพรรดินีบลิซซี่จะเข้ามามีบทบาทเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ยังไงบ้าง จากมานั่งหารือกันพบว่าความสนใจของบลิสซี่น่าจะอยู่ระดับกลาง ๆ คืออยากให้งานออกมาดี แต่ก็ไม่ได้อินมากเพราะเป็นการแข่งเกมส์ออนไลน์ แต่ถ้าพูดถึงอำนาจและอิทธิพลของบลิสซี่ในโครงการนี้ถือว่าสูงมาก เพราะสามารถที่จะล้มโครงการนี้ได้เลยถ้าแม่นางไม่ชอบใจ โพลาริสและทีมงานจึงวางแผนให้บลิสซี่เข้ามามีบทบาทในเชิงการกำหนดทิศทางโครงการนี้แบบห่าง ๆ แค่เข้าไปเล่าอัปเดทให้ฟังเป็นระยะ เพราะนางไม่ชอบลงรายละเอียด แต่ข้อมูลที่สื่อสารต้องสั้นและชัดเจน เพื่อให้บลิสซี่ตัดสินใจทิศทางหลัก ๆ ของโครงการได้ และเพื่อให้มีความเชื่อมั่นว่างานจะออกมาดี ส่วนรายละเอียดเดี๋ยวทีมงานไปจัดการกันเอง และก็วางบทบาทบลิสซี่ให้เป็นผู้นำในเชิงสัญลักษณ์เพื่อสนับสนุนการออกข่าวประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ เพื่อให้คนบนดาวโพลก้ามาสนใจการแข่งเกมส์ออนไลน์นี้มากขึ้น

4. Prioritize (จัดลำดับความสำคัญ)

เราไม่มีทรัพยากรทั้งเงิน เวลา และบุคลากรเพียงพอที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับ Stakeholder ทุกคนในระดับที่เท่ากันได้ ดังนั้น เราเลยต้องมาจัดลำดับความสำคัญกัน ในทุก ๆ โครงการของจะมี Stakeholder บางคนที่มีความสำคัญมากกว่าคนอื่น ๆ อยู่เสมอ เราจะเรียกคนเหล่านี้ว่า "ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก (Key Stakeholders)" นี่คือคนกลุ่มที่เราต้องโฟกัสการเข้าไปมีส่วนร่วมก่อนเป็นลำดับแรก หน้าที่ของเราในขั้นตอนนี้คือการเอาผลที่เราวิเคราะห์ขึ้นมาจากขั้นตอนก่อนหน้ามาใช้ในการจัดลำดับความสำคัญของ Stakeholder ซึ่งเกณฑ์ที่จะกำหนดว่าเราจะเรียงลำดับยังไงนั้นขึ้นอยู่ตามความเหมาะสมเลย มีให้เลือกใช้ได้มากมายหลากหลาย แต่บางครั้งก็จะดูที่อำนาจ (Power) และความสนใจ (Interest) ของ Stakeholders แต่ละคน ถ้าอำนาจเยอะและความสนใจเยอะก็จะถือเป็น Key Stakeholders

เนื่องจากบทบาทของ Stakeholder สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตามช่วงต่าง ๆ ดังนั้น การจัดลำดับความสำคัญสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ บางครั้งคนที่เป็น Key Stakeholder ในช่วงต้นโครงการจะไม่ได้มีความสำคัญลำดับต้น ๆ อีกต่อไปในช่วงท้ายโครงการ

ทีมงานของโพลาริสจัดให้จักรพรรดิของดาวทั้งสองเป็น Key Stakeholder เพราะว่าทั้งสองมีอำนาจและอิทธิพลต่อโครงการอย่างมาก สามารถตัดจบโครงการได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มถ้ารู้สึกไม่พอใจ นอกจากนี้ ทั้งสองคนก็มีความสนใจกับโครงการนี้ระดับนึงเพราะเป็นงานใหญ่ของดาว ในช่วงใกล้วันแข่งขัน กลุ่มนักกีฬาเกมส์ออนไลน์จะเริ่มมีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น จนในวันแข่งจริง กลุ่มนักกีฬาจะถือเป็น Stakeholder ที่มีความสำคัญลำดับแรก ๆ เลย เพราะเขาเป็นจุดศูนย์กลางของการจัดงาน ถ้านักกีฬาไม่พอใจกับสภาพหน้างาน สีหน้าที่ไม่ Happy ของพวกเขาจะถูกถ่ายทอดสดไปทั่วทั้งสองดาว หลังจากที่จัดการแข่งขันจบเรียบร้อย จักรพรรดิบนดาวทั้งสองก็ปลีกตัวไปจัดการเรื่องอื่น ๆ บนดาวของตัวเองละ แต่คนที่ยังคงมีบทบาทต่อไปคือกลุ่มนักข่าวที่จะมาเก็บตกข่าวหลังการแข่งกีฬา (งานแถลงข่าว สัมภาษณ์นักกีฬา) รวมถึงสปอนเซอร์ที่จะเริ่มเข้ามาโฆษณานักกีฬาเด่น ๆ จากการแข่ง จะเห็นว่าลำดับความสำคัญของ Stakeholder ต่าง ๆ จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดการทำโครงการ

จากขั้นตอนที่กล่าวมาตอนต้น พอมาถึงจุดนี้ ถ้าเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนเราอาจจะมีการจัดทำเป็น Stakeholder Engagement Plan หรือ แผนการเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขึ้นมา ซึ่งจะเป็นเอกสารที่ทุกคนในโครงการยึดถือร่วมกันในการเข้าไปมีส่วนร่วมกับ Stakeholder

5. Engage (เข้าไปมีส่วนร่วม)

พอมีแผนแล้ว เราก็จะมาเข้าสู่ขั้นตอนของการลงมือทำตามแผน ในเรื่องของการมีส่วนร่วมกับ Stakeholder ก็เช่นกัน เมื่อเรามี Stakeholder Engagement Plan แล้ว เราก็จะมาสู่การลงมือปฏิบัติตามแผน ซึ่งโดยหลัก ๆ แล้วก็คือการสื่อสารกับ Stakeholder ตามที่เราวางแผนไว้นั่นเอง

โพลาริสและทีมงานจัดทำ Stakeholder Engagement Plan ขึ้นเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งมีรายละเอียดถึงบทบาทของ Stakeholder แต่ละราย รวมถึงขั้นตอนและกระบวนการในการเข้าไปสร้างการมีส่วนร่วม เช่น ใครเป็นคนรับผิดชอบในการเข้าไปคุยกับ Stakeholder ต่าง ๆ และจะมีการคุยละเอียดขนาดไหน ถี่ขนาดไหน ซึ่งแผนดังกล่าวถูกแจกจ่ายให้กับทีมงาานที่เกี่ยวข้องทุกคน โพลาริสเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการคุยกับจักรพรรดิบนดาวทั้งสอง ส่วนทีมประชาสัมพันธ์จะเป็นผู้ดูแลนักข่าวต่าง ๆ

6. Monitor (คอยติดตามผลลัพธ์)

เราต้องคอยติดตามดูว่าแผนและสิ่งที่เราลงมือทำเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับ Stakeholder นั้นนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เราต้องการรึเปล่า Stakeholder แต่ละคนเล่นบทบาทตามที่เราวางไว้หรือไม่ ถ้าดู ๆ แล้วสิ่งที่เราทำยังไม่ได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ เราและทีมงานก็ต้องมาทบทวนลองหาเหตุผลดูว่าทำไมถึงเป็นเช่นั้น ยังมีอะไรที่ขาดตกบกพร่องไป อะไรที่ทำได้ดีแล้ว อะไรที่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติม หลังจากที่เรามาทบทวนแล้ว เราก็อาจจะต้องวนกลับไปที่ขั้นตอนแรกใหม่อีกครั้ง

ในการประชุมอัปเดทความก้าวหน้าโครงการจะมีช่วงหนึ่งที่โพลาริสและทีมงานจะมานั่งไล่ทบทวน Stakeholder แต่ละคนว่าเป็นยังไงบ้างเพื่อมาปรับ Stakeholder Engagement Plan กันต่อไป ในการประชุมครั้งหนึ่งพบว่านักแข่งเกมส์ออนไลน์บางคนก็มีความสนใจในเรื่องการจัดงานด้วย ในเรื่องธีมงาน เพราะบางคนกำลังโปรโมทเรื่องสิ่งแวดล้อมอยู่ จากตอนแรกคิดไว้ว่าเขาน่าจะโฟกัสไปที่การแข่งขันเพียงอย่างเดียว ดังนั้น โพลาริสและทีมงานจึงปรับ Stakeholder Engagement Plan บางส่วนเพื่อให้มีการรวมตัวแทนนักกีฬาเข้ามาวางแผนการจัดงานส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมด้วย