ความเสี่ยงคืออะไร?

โลกนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน (Uncertainty) ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา และความเสี่ยง (Risks) คือ ความไม่แน่นอนตัวที่สามารถส่งผลกระทบต่อโปรเจ็คของเราได้

เวลาเราพูดถึงความเสี่ยง ส่วนมากเราจะนึกถึงเรื่องแย่ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับโปรเจ็คของเราได้ เช่น ทีมงานป่วย พายุถล่มงานก่อสร้าง เป็นต้น แต่ในมุมมองของการบริหารโปรเจ็ค ความเสี่ยงบางตัวให้ผลในเชิงบวกได้เหมือนกัน เช่น แบบก่อสร้างของเราได้รับการอนุมัติเร็วกว่าที่กำหนด เป็นต้น

  • ความเสี่ยงที่มีผลในเชิงบวกต่อโปรเจ็คของเราเรียกว่า “โอกาส (Opportunity)”
  • ความเสี่ยงที่มีผลในเชิงลบต่อโปรเจ็คของเราเรียกว่า “ภัยคุกคาม (Threat)”
ความเสี่ยง (Risk) มีทั้งแบบที่เป็นภัยคุกคาม (Threat) และโอกาส (Opportunity)

ในการทำโปรเจ็คเราจะต้องทำสิ่งที่เรียกว่า “การบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management)” ซึ่งเป้าหมายก็คือเราต้องใช้ประโยชน์จาก Opportunity ที่ผ่านเข้ามาให้ได้อย่างเต็มความสามารถ และพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ Threat เกิดขึ้นมาจริง หรือถ้าเกิดมาก็ให้มีผลต่อโปรเจ็คเราในเชิงลบน้อยที่สุด

ความเสี่ยงยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่มีโอกาสเกิดขึ้นได้

ความเสี่ยงคืออะไรที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ แต่มันมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้น การทำ Risk Management ก็คือการเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงตอนที่มันยังไม่เกิดขึ้น คอยมองหามาตรการเชิงป้องกันความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ เช่น ความเสี่ยงจากพายุที่สามารถทำให้ปาร์ตี้กลางแจ้งของเราล่ม เราอาจป้องกันได้โดยการจัดปาร์ตี้นอกฤดูมรสุมเพื่อลดโอกาสที่จะมีพายุเข้ามา หรือจัดปาร์ตี้แบบในร่มไปเลย

แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง ความเสี่ยงตัวนั้นเกิดเป็นจริงขึ้นมา เราจะเรียกมันว่า “ประเด็น/ปัญหา (Issue)” ซึ่ง Issue คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว และเราต้องแก้ไขมันตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ความเสี่ยงยังไม่เกิดขึ้นมาจริง แต่เมื่อไหร่ที่มันเกิดขึ้นมาแล้วเราจะเรียกมันว่าประเด็นปัญหา (Issue)

ถ้าเปรียบเทียบง่าย ๆ นึกภาพเวลาเราพายเรือเข้าไปในบึง ถ้าเราเห็นจระเข้ว่ายอยู่ไกล ๆ นั่นคือ “ความเสี่ยง (Risk)” แต่เมื่อไหร่ที่มันกระโดดมางับเรือเรา นั่นคือ “ประเด็น/ปัญหา (Issue)” นั่นเอง

ความเสี่ยงแต่ละตัวสำคัญขนาดไหน?

ไม่ใช่ว่าความเสี่ยงแต่ละตัวมีความสำคัญเท่ากัน เรามีเวลาและทรัพยากรที่จำกัด เพราะฉะนั้น เราจึงต้องเลือกว่าจะให้ความสำคัญกับความเสี่ยงตัวไหนบ้าง

ว่าแต่...เราจะ “เลือก” ยังไงว่าตัวไหนสำคัญ?

เราสามารถดูจาก “ระดับของความเสี่ยง (Risk Level)” ได้ เพราะความเสี่ยงแต่ละตัวจะมีระดับความเสี่ยงที่ไม่เท่ากัน ตัวที่มีระดับความเสี่ยงสูง ๆ นั่นแหล่ะคือตัวที่เราจะต้องคอยจับตาให้ดี

เวลาที่เราวิเคราะห์ทำเข้าใจกับเจ้าความเสี่ยงแต่ละตัวที่อยู่รอบ ๆ เราจะประเมินพวกมันใน 2 แง่มุม

  • โอกาสความน่าจะเป็นที่ความเสี่ยงจะเกิดขึ้นจริง (Probability)
  • ผลกระทบต่อโปรเจ็คของเรา (Impact) ถ้าความเสี่ยงตัวนั้นเกิดขึ้นมาจริง
เราอธิบายลักษณะของความเสี่ยงแต่ละตัวได้ใน 2 มุม ได้แก่โอกาสความน่าจะเป็น (Probability) และผลกระทบที่มันสร้างได้ (Impact)

Risk Level สามารถคำนวณได้จากการนำเอา Probability มาคูณกับ Impact ตามสูตรนี้

Risk Level = Probability x Impact

โดยในการประเมิน Probability กับ Impact นั้น เราจะให้คะแนนในสองส่วนนี้ เช่น 1-5 คะแนน เป็นต้น

เวลาเรามองดูเจ้าความเสี่ยงตัวหนึ่ง ๆ ถ้ามันมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นมาก เราก็จะให้คะแนน Probability ของมันสูง ๆ แต่ถ้ามันมีโอกาสเกิดขึ้นมาน้อย ๆ เราก็จะให้คะแนนในส่วน Probability ต่ำ ส่วนในอีกมุมนึง ให้เราลองจินตนาการดูว่าถ้าเจ้าความเสี่ยงตัวนั้นมันเกิดขึ้นมาจริง มันจะส่งผลกระทบต่อโปรเจ็คเราได้มากน้อยขนาดไหน ถ้าสามารถส่งผลกระทบได้รุนแรงมาก (เช่น สามารถทำให้โปรเจ็คเราล่มไปเลย) เราก็จะประเมินคะแนน Impact ให้สูง ๆ ส่วนถ้าเจ้าโปรเจ็คเกิดขึ้นมาแล้วมีผลต่อโปรเจ็คเราแต่น้อยมาก เราก็จะประเมินส่วน Impact ให้มันต่ำ ๆ