ถ้าเป็นการทำ Data visualization แล้วส่วนใหญ่ Data Analyst มักจะใช้เวลาไปกับสามเรื่องหลัก ๆ เลยก็คือทำความเข้าใจข้อมูลเพื่อหา Insight จัดการความคิดแล้วออกแบบลำดับขั้นตอนการนำเสนอข้อมูลให้กับคนฟัง และก็จบด้วยการสร้างภาพนำเสนอข้อมูล ฟังดูเหมือนง่ายแต่ที่จริงแล้วหารู้ไม่ว่าเบื้องหลังภาพหรือแม้กระทั่งเรื่องราวที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อนำเสนอข้อมูลให้เข้าใจง่ายนั้นต้องผ่านขั้นตอนการจัดลำดับความคิดพอสมควร ถ้าให้อธิบายประโยคนี้เป็นภาพได้ชัดเจนก็ไม่ต่างกับการปักครอสติชที่ด้านหน้าเราจะเห็นเป็นรูปสีสันสวยงามแต่พอพลิกดูส่วนหลังกลับพบว่าเส้นด้ายโยงข้ามกันไปมาเพื่อให้ภาพด้านหน้าออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด
จากประสบการณ์การเป็น Data-journalist และ Information designer มามากกว่า 10 ปีของ David McCandless ค้นพบว่าการนำเสนอข้อมูลที่มีประสิทธิภาพนั้นประกอบด้วยสิ่งสำคัญ 5 ประการ ทำงานเชื่อมโยงกันโดยเรียกหลักการนี้ว่า McCandless Method
McCandless Method เป็นเทคนิคในการรวมเอาหลักการของการออกแบบและการนำเสนอข้อมูลเข้าไว้ด้วยกัน โดยมีเป้าหมายหลักคือออกแบบการนำเสนอข้อมูลผ่านภาพที่ชัดเจนตามวัตถุประสงค์ของการนำเสนอ คนฟังสามารถเห็นแล้วเข้าใจภาพนั้นได้ง่ายภายในเวลาไม่กี่วินาที
- เรียบง่าย (Simplicity): ใช้รูปแบบการนำเสนอเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้รูปทรง สี ของภาพการนำเสนอ
- ชัดเจน (Clarity): ข้อมูลถูกนำเสนอให้เข้าใจได้ง่าย เห็นแล้วสามารถตีความตามได้
- เน้นสิ่งสำคัญ (Emphasis): Visualization ที่ออกแบบควรมีการเน้นส่วนสำคัญให้กับข้อมูลที่ต้องการให้เป็นไฮไลท์ของการนำเสนอ เพื่อให้คนฟังเห็น Key message ที่เราอยากนำเสนอ
- มีลำดับขั้นตอน (Hierarchy): ออกแบบการนำเสนอภาพให้ล้อตามลำดับการนำเสนอข้อมูล ซึ่งส่วนนี้นอกจากจะช่วยให้คนเล่าเรื่องมีไกด์ลำดับการนำเสนอแล้วยังช่วยให้คนฟังตามเรื่องได้ง่ายอีกด้วย
- มีการเล่าเรื่อง (Storytelling): ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องเพื่อเล่าถึงที่มาที่ไป สิ่งที่เกิดขึ้นจากข้อมูล (Fact) จุดเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลที่เป็นเหตุเป็นผลกัน โดยอาจจะผสมผสานการเล่าเรื่องจากประสบการณ์จริงของคนเล่าหรือเล่าเรื่องที่คนฟังสามารถเชื่อมโยงกับเรื่องของตัวเองได้ จะยิ่งช่วยให้น่าติดตามมากขึ้น
McCandless ยังได้ใช้ความเชี่ยวชาญด้านการเล่าผ่านรูปภาพของเค้าในการสรุปสิ่งที่ควรมีเพื่อให้การ Visualization มีประสิทธิภาพ
- Information (Data) คือ ชุดข้อมูลที่เตรียมมานำเสนอ ยกตัวอย่างให้เราเข้าใจได้ง่าย เช่น ยอดขายชานมไข่มุกรายไตรมาส
- Story (Concept) คือ แนวคิดในการนำเสนอที่ชัดเจนและครบถ้วน เช่น ประเภทชานมไข่มุกที่ได้รับความนิยมทำยอดขายได้มาก และประเภทชานมไข่มุกที่ขายได้น้อยในแต่ละไตรมาส
- Goal (Function) คือ วัตถุประสงค์การนำเสนอ เช่น เพื่อต้องการอัปเดทยอดขายรายไตรมาส และเพื่อต้องการขอความเห็นสำหรับปรับ Stratrgy ให้ขายดีมากขึ้น
- Visual form (Metaphor) คือ การใช้รูปแบบการนำเสนอที่เข้าใจง่าย เช่น นำเสนอยอดขายด้วย Bar chart แล้วนำเสนอจำนวนชานมไข่มุกแต่ละประเภทที่ขายโดยใช้ Rectangular Tree Diagram
จากรูปจะเห็นว่า
Successful visualization = INFORMATION + STORY + GOAL + VISUAL FORM
ในขณะที่การเล่าเรื่องที่มี Information + Function +Visual Form แต่ขาด Story จะทำให้การนำเสนอนั้นดูน่าเบื่อ ส่วนการนำเสนอที่มี Visual Form + Information + Story แต่ขาด Function & Goal จะทำให้การนำเสนอนั้นดูไร้เป้าหมาย ไม่มีวัตถุประสงค์การนำเสนอ ... ลองเอา McCandless Method มาใช้กับการเล่าเรื่องในเคสของคุณดูซิ รับรองว่าการนำเสนอรอบหน้าต้องน่าประทับใจแน่นอน!
#LearningbyDoing
Love,
Wholly