อย่างที่ได้พูดไว้ใน Data Terms แล้วว่า Database หรือฐานข้อมูล เป็นส่วนที่เชื่อมโยงชุดข้อมูลเข้าไว้ด้วยกันตามความสัมพันธ์ของระบบการจัดการฐานข้อมูล Relational Database Management System แล้วตัวอย่างของประเภทข้อมูลที่เราสามารถบันทึกไว้ใน Database ได้ก็จะได้แก่ ข้อมูลที่เป็นตัวเลขแบบ Integer ข้อมูลตัวเลขแบบ Float ตัวหนังสือ และข้อมูลวันเดือนปี ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าหน้าที่ของ Database คือการบันทึกชุดข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่งข้อมูลนั่นเอง

ทีนี้เรามา Zoom in เข้าไปดูใน Database กันอีกนิดก็จะเห็นว่าฐานข้อมูลที่เราสร้างขึ้นเพื่อเก็บข้อมูลของโครงการใดโครงการหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยชุดข้อมูลที่เกี่ยวข้องและจำเป็นกับโครงการนั้น ซึ่งชุดข้อมูลเหล่านั้นได้ถูกบันทึกอยู่ในรูปแบบของ Table (ไม่ใช่ Table ที่แปลว่าโต๊ะนะเหล่า Traveller 5555) เจ้าคำว่า Table ในที่นี้หมายถึงชุดข้อมูลในตาราง ... ถ้าจะให้เห็นภาพในประโยคเดียวเลยก็คือ "Database is a collection of table" นั่นเอง

ทีนี้มาดูกันต่อว่าใน 1 ตารางนั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ลักษณะพื้นฐานของ Table เลยก็คือต้องมี Column และ Row เป็นองค์ประกอบหลัก เหมือนการสร้างบ้านที่ต้องมีเสาหลักและหลังคาอะไรอย่างนั้น เทคนิคการจำง่าย ๆ ว่าตรงไหนของตารางเป็น Column แล้วตรงไหนของตารางเป็น Row ก็คือ Column = แนวตั้ง และ Row = แนวนอน ... เพราะเชื่อว่ามีบางคนที่ยังสับสนกับภาพจำที่ว่า Row หมายถึงแถว พอพูดถึงแถวก็จะนึกถึงภาพการเข้าแถวตอนเรียงหนึ่งต่อกันเป็นแนวตั้งอะไรประมาณนั้น
องค์ประกอบต่อมาของ Table จะเป็นส่วนที่บอกว่าข้อมูลที่อยู่ในตารางนั้นมีข้อมูลอะไรบ้าง ซึ่งเราจะเรียกองค์ประกอบนี้ว่า Attribute หรือศัพท์ที่เราคุ้นเคยก็จะเรียกว่าหัวตาราง
Attribute จะเป็นตัวบอกว่าในหนึ่ง Column นั้นเป็นข้อมูลอะไร เช่น ID ชื่อ-นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด ที่อยู่ ของคน หรือแม้กระทั่ง ID ชื่อสินค้า ประเภทสินค้า วันที่นำเข้า ราคาต่อหน่วย ซึ่งเป็นข้อมูลเฉพาะของชุดข้อมูลนั้น ๆ ที่เราบันทึกไว้ในตาราง โดยที่หนึ่งช่องในตารางนั้นจะเรียกว่า Cell และกลุ่มของ Cell ที่เราสนใจจะเรียกว่า Table array ตัวอย่างที่เราคุ้นเคยกันดีก็คือ ช่องสีเหลี่ยมใน Excel spreadsheet หรือ Google sheet นั่นเอง

เมื่อเรากรอกข้อมูลลงไปในตารางตาม Attribute ข้อมูลของรายการนั้นแล้วจะเรียกว่า Data record ยกตัวอย่างเช่น ID 001 มีชื่อว่า Wholly เกิดวันที่ 24 มิถุนายน ปีคริสต์ศักราช 2022 ทำงานอยู่แผนกข้อมูลและเบอร์ติดต่อเป็นเบอร์ 2248 ซึ่งข้อมูลของ ID 001 ที่แสดงอยู่บนตารางนี้จะนับเป็น 1 record

เมื่อมีข้อมูลจำนวนมากถูกบันทึกอยู่ใน Database การเข้าถึงฐานข้อมูลเพื่อสืบค้นข้อมูล ดึงข้อมูลหรือที่เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า Data retrieval หรือแม้กระทั่งปรับปรุงข้อมูลในฐานข้อมูลด้วย SQL ภาษามาตรฐานของ American National Standard Institute (ANSI) ที่ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลในฐานข้อมูล การใช้ SQL เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากที่สุดทั้งในแง่ของเวลาที่ใช้ในการตอบโต้กับ Database (ความเร็วในการตอบโต้อยู่ในระดับมิลลิวินาที) และความแม่นยำในการเข้าถึงข้อมูล การดึงข้อมูลออกมาวิเคราะห์ตามเงื่อนไขที่เราป้อนเข้าไป